โอโซนบำบัด

โอโซนบำบัด

 

     Ozone Therapy  การบำบัดด้วยโอโซนใช้ประโยชน์จากลักษณะโครงสร้างที่ไม่เสถียรของตัวโอโซน ทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ส่งผลฆ่าและยับยั้งแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส หรือจุลินทรีย์ชนิดที่สามารถเติบโตได้โดยไม่อาศัยออกซิเจนในร่างกาย (Anaerobic microorganisms) และช่วยกำจัดสารพิษและของเสียที่สะสมในร่างกายให้สามารถขับออกทางตับและไตได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีปริมาณเพียงพอเพื่อปกป้องและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะติดเชื้อต่างๆ เช่น ตับอักเสบ เริม งูสวัด ภูมิแพ้ มะเร็ง เป็นต้น

 

ปฏิกิริยาออกซิเดชั่นก่อให้เกิดประโยชน์ในการรักษา ดังนี้

  1. มีฤทธิ์ในการกำจัดจุลชีพที่ไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งได้แก่ ไวรัสและแบคทีเรียบางชนิด การบำบัดด้วยโอโซนจึงสามารถใช้ในการรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อจุลชีพในกลุ่มดังกล่าวได้ เช่น โรคหวัด เริม งูสวัด และไวรัสตับอักเสบ
  2. ขับล้างสารพิษตกค้างในร่างกาย โดยช่วยเปลี่ยนสารพิษและของเสียให้เป็นสารที่มีความเฉื่อย และถูกขับออกทางตับและไตโดยไม่เกิดอันตราย

ประโยชน์ของโอโซนบำบัด

  • กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้มีปริมาณเพียงพอต่อการปกป้องร่างกาย
  • เพิ่มประสิทธิภาพในกำจัดเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาว จากระดับแกมมาอินเตอเฟียรอนที่เพิ่มขึ้น 400-900%
  • กระตุ้นการหลั่งอินเตอร์ลิวคินจากลิมโฟไซต์ เพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค
  • เพิ่มความยืดหยุ่นของเซลล์เม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง จึงทำให้เซลล์เม็ดเลือดสามารถเคลื่อนตัวผ่านไปยังหลอดเลือดฝอยเล็กๆ ได้มากขึ้น มีประโยชน์ในการรักษาแผลเรื้อรังจากเบาหวาน และแผลกดทับ
  • เพิ่มการผลิตพลังงานในไมโตคอนเดรีย ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย และเพิ่มสมรรถภาพการออกกำลังกายในกลุ่มนักกีฬา
  • กระตุ้นการสร้างเอนไซม์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ได้แก่ ซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเตส คาตาเลสและกลูต้าไธโอนเปอร์ออกซิเดส 

โอโซนบำบัดเหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัด หรือมีภาวะติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยโรคตับอักเสบ เริม งูสวัด
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยโอโซนอะตอมเดี่ยวจะไปเกาะกับผิวของเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งถูกกำจัดไปโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • ผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ ลมพิษ หอบหืด
  • ผู้ป่วยโรคภูมิเพี้ยน SLE รูมาตอยด์ สะเก็ดเงิน
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต รวมทั้งผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และผู้ป่วยพาร์คินสันที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่เพียงพอ
  • ผู้ที่มีปัญหาแผลเรื้อรัง เช่น แผลเบาหวาน แผลกดทับในผู้ป่วยที่ต้องนอนนิ่งๆ เป็นเวลานาน โรคที่เกี่ยวกับเชื้อรา

ข้อควรทราบเมื่อต้องการทำโอโซนบำบัด

  • การทำโอโซนบำบัดในแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  • ควรตรวจร่างกายทั้งระบบอย่างละเอียดเพื่อประเมินภาวะของสุขภาพ
  • หลังทำโอโซนบำบัดสามารถประกอบกิจกรรมได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้น แต่หลีกเลี่ยงการถือ หรือห้อยกระเป๋าด้วยแขนข้างที่แทงเข็ม เพราะมีแผลเปิดที่เส้นเลือดโดยตรง อาจมีเลือดซึมและเขียวช้ำได้