ความรู้เกี่ยวกับเซลล์บำบัด

สเต็มเซลล์จากกระแสเลือด (Peripheral Blood Stem cell : PBSC)


สเต็มเซลล์จากกระแสเลือด (Peripheral Blood Stem cell : PBSC)

 

คู่มือการเตรียมตัวเข้ารับบริการ PBSC (ภาษาไทย-อังกฤษ)​

คู่มือการเตรียมตัวเข้ารับบริการ PBSC (ภาษาจีน)

คู่มือการเตรียมตัวเข้ารับบริการ PBSC (ภาษาอาหรับ)

สเต็มเซลล์ คืออะไร? 

สเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด

สเต็มเซลล์ (Stem cell) หรือเซลล์ต้นกำเนิด คือ เซลล์ตัวอ่อนที่เป็นจุดตั้งต้นของการเจริญเติบโตไปเป็นเนื้อเยื่อ และอวัยวะต่าง ๆ เซลล์ต้นกำเนิดเหล่านี้จะมีอยู่ในเนื้อเยื่ออวัยวะเกือบทุกชนิดในร่างกาย และเป็นเซลล์ที่เมื่อเกิดการเสียหาย หรือการตายของเซลล์ตัวแก่ เซลล์ตัวอ่อนเหล่านี้จะแบ่งตัวเจริญเติบโตขึ้นมา ซ่อมแซมชดเชยเซลล์ที่เสียหายหรือตายเหล่านั้น

 

ปริมาณสเต็มเซลล์ในแต่ละช่วงอายุ (NUMBER OF STEM CELL)

ร่างกายของมนุษย์จะมีสเต็มเซลล์เพื่อทำหน้าที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิด ช่วยในการแบ่งตัวเพื่อชดเชยเซลล์และอวัยวะที่เสื่อมสภาพ แต่เมื่ออายุมากขึ้น สเต็มเซลล์ในร่างกายก็จะมีปริมาณลดลง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กระบวนการซ่อมแซมร่างกายมีประสิทธิภาพลดลงด้วยเช่นกัน

 

Autologous Stem Cell Therapy
การบำบัดด้วยการใช้สเต็มเซลล์จากตนเอง

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ด้วยการใช้เซลล์ของตัวเอง (Autologous Stem Cell) ที่มีความปลอดภัยสูง มาบำบัดฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกาย เพื่อการมีสุขภาพที่ดี ดูอ่อนเยาว์ และมีอายุขัยที่ยืนยาว รวมถึงเป็นทางเลือกในการรักษา โรคบางชนิดที่ไม่สามารถรักษาด้วยการรักษาแบบทั่วไป อาทิ โรคอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อม โรคพาร์คินสัน โรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น

 

เราสามารถคัดแยกเซลล์ในร่างกายได้จากส่วนใดบ้าง ?

ในอดีตการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ แพทย์จะใช้วิธีการเจาะไขกระดูกโดยตรง เพื่อนำสเต็มเซลล์ออกมาเพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก และก่อให้เกิดการบาดเจ็บแก่ร่างกาย แต่ในปัจจุบันเราสามารถฉีดยากระตุ้นเพื่อให้สเต็มเซลล์ออกมาอยู่ในกระแสเลือด ทำให้แพทย์สามารถเก็บสเต็มเซลล์ได้ง่าย ปลอดภัย และนำไปเพาะเลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

PBSC คืออะไร? 

Peripheral Blood Stem Cell

PBSC Therapy เป็นโปรแกรมการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ด้วยการใช้เซลล์จากกระแสเลือดของตนเอง โดยเริ่มต้นด้วยการฉีดยากระตุ้นเพื่อให้สเต็มเซลล์ไหลเวียนเข้ามาในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น จากนั้นจะทำการจัดเก็บและคัดแยกสเต็มเซลล์ด้วยเครื่อง Apheresis และนำไปผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้สเต็มเซลล์เพิ่มจำนวนและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น แล้วนำกลับมาฉีดเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูหลอดเลือด รวมถึงการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ทั้งยังสามารถเก็บรักษาสเต็มเซลล์ของเราไว้ในระบบ Cryopreservation ที่อุณหภูมิ -196 °C โดยสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 10 ปี เพื่อให้สามารถนำสเต็มเซลล์ที่มีคุณภาพของเราในวันนี้ ไปใช้ได้ในอนาคต

 

 ประโยชน์ของสเต็มเซลล์จากกระแสเลือด (PBSC)

ㆍปลอดภัย เพราะเป็นสเต็มเซลล์จากตัวเอง

ㆍได้สเต็มเซลล์ปริมาณมาก

ㆍ มีจำนวนมากพอในการใช้ฟื้นฟูสุขภาพ

ㆍ สามารถเก็บได้หลายครั้ง ตลอดช่วงชีวิต

ㆍ สามารถเก็บรักษาไว้ใช้ในอนาคตได้

ㆍ ในขบวนการคัดแยกสเต็มเซลล์จะได้เซลล์ชนิดต่างๆ อาทิ 

     - HSCs สเต็มเซลล์เม็ดเลือด

     - EPCs สเต็มเซลล์ซ่อมแซมหลอดเลือด

     - NK Cells เม็ดเลือดขาวที่ใช้กำจัดมะเร็ง

     - MSCs สเต็มเซลล์อวัยวะต่าง ๆ

 

ขั้นตอนการทำ PBSC 

Day 1            ตรวจสุขภาพและตรวจเลือด (Blood Test)

Day 1-4         ฉีดยากระตุ้น (G-CSF Injection)  

Day 5            เก็บสเต็มเซลล์จากกระแสเลือด (PBSC Collection) โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง

Day 8            ใช้ PBSC ในการบำบัดส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้งบริเวณเฉพาะจุดหรือการให้ผ่านทางหลอดเลือด

Banking 10 Years สามารถเก็บสเต็มเซลล์ไว้ได้นาน 10 ปี

 

ข้อปฎิบัติตัว-การฉีดกระตุ้น

1. ควรฉีดยากระตุ้นในเวลาใกล้เคียงกันในแต่ละวัน โดยต้องฉีดติดต่อกัน 4 วัน

2. ไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนการฉีดกระตุ้น

3. กรณีได้รับยาละลายลิ่มเลือด ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน

4. ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาสมุนไพรทุกชนิด

5. การฉีดยากระตุ้นอาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย ครั่นเนื้อ ครั่นตัว ปวดศีรษะ หรือมีไข้ต่ำๆ อาการเหล่านี้จะหายไปเอง หากมีอาการมากสามารถรับประทานยาพาราเซตามอล

 

ข้อปฎิบัติตัว-ก่อนการเก็บเลือด

1. ดูแลร่างกายไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือเป็นแผล

2. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ  หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ 

3. หลีกเลี่ยงการเจาะเลือดบริเวณข้อพับแขนทั้ง 2 ข้าง

4. ควรรับประทานอาหารมื้อหลักก่อนการเก็บเลือด (ใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง)

 

ข้อปฎิบัติตัว-หลังเข้ารับสเต็มเซลล์บำบัด 

1. หลังเข้ารับสเต็มเซลล์บำบัดอาจเกิดอาการง่วงนอน อ่อนเพลีย หรือมีไข้ต่ำๆ ได้ 

2. ควรรับประทานอาหารเสริมกลุ่มโปรตีนหรือให้วิตามินทางหลอดเลือดกลุ่มที่ให้พลังงานแก่เซลล์

3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือการออกกำลังกายหนัก  หลังจากการให้เซลล์อย่างน้อย 7 วัน

4. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ  หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่