ปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณที่ดี ย่อมเป็นใบเบิกทางและสร้างโอกาสดีๆ ให้แก่เราได้ในหลายโอกาส เพราะบุคลิกภาพที่ดีย่อมสะท้อนให้เห็นความเอาใจใส่ในการดูแลตนเองอย่างพิถีพิถัน ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ที่พบเห็น นอกจากดารานักแสดงแล้ว กลุ่มคนในอาชีพต่างๆ เช่น นักธุรกิจ นักการเมือง ผู้บริหาร ฯลฯ ก็เริ่มหันมาใส่ใจดูแลผิวพรรณให้มีความสดใส อ่อนเยาว์ และมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
จากปัจจัยภายในร่างกาย เช่น อายุ พันธุกรรม โรคประจำตัว การใช้ยา และปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น แสงแดดและรังสียูวี มลภาวะ การสัมผัสยาและสารเคมี การรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง และการดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะค่อยๆ ทำลายเซลล์ผิวโดยเฉพาะผิวหน้า จึงส่งผลให้ผิวพรรณเกิดความร่วงโรยและมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร
นอกจากการผ่าตัดศัลยกรรมแล้ว ปัจจุบันมีวิธีการเสริมความงามที่หลากหลาย เช่น การฉีดสาร Botulinum Toxin เพื่อลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า การใช้สารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ (Filler) การทำเลเซอร์ (Laser) เพื่อแก้ไขปัญหาผิวและปรับสภาพผิวหน้า แต่ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้จะพบว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการใช้สารปรุงแต่งจากภายนอกที่ไม่คงทนถาวร และที่สำคัญคือมีผลข้างเคียงและอาการแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ผิวไวต่อแดด การแพ้สารที่ใช้ และบางครั้งการเสริมความงามด้วยวิธีต่างๆ ก็ดูไม่เป็นธรรมชาติหรือไม่สมวัยอีกด้วย
การทำเซลล์บำบัดจากตัวอ่อนของสัตว์ (Live Cell) ที่มีประสิทธิภาพในการซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายจากโรคต่างๆ แล้ว ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเสริมรูปลักษณ์ได้ดีเช่นกัน เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผิวหนังก็เป็นอวัยวะ ทั้งยังเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอีกด้วย ผิวหน้าที่เราเห็นคือผิวชั้นนอก ซึ่งเกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ชั้นหนังแท้ ซึ่งประกอบไปด้วยเซลล์ที่สร้างคอลลาเจน อีลาสติน หลอดเลือด และเซลล์ประสาท ดังนั้นการมีผิวที่มีแข็งแรงและมีสุขภาพดีต้องเกิดจากการมีพื้นฐานผิวที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
การใช้เซลล์บำบัดซึ่งเป็นแหล่งของสารอาหารและเซลล์ต้นกำเนิด จะเข้าไปฟื้นฟูเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน จึงทำให้ผิวมีความแข็งแรง กระชับ และเพิ่มการสร้างเซลล์หลอดเลือด เซลล์ผิวจึงได้รับสารอาหารและออกซิเจนเพิ่มขึ้น พร้อมแก้ไขความผิดปกติของเม็ดสี ทำให้ผิวมีความกระจ่างใส โดยกระบวนการทั้งหมดจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ภายใต้การกระตุ้นของเซลล์บำบัด
ผลการรักษาด้วย Facial rejuvenation
1. ปรับโครงสร้างผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น
2. ลดริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า
3. เพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงผิว
4. ผิวมีความสมดุล
5. ลดอาการแพ้บริเวณใบหน้า
6. แก้ไขปัญหาเม็ดสี เช่น ฝ้ากระ จุดด่างดำ รอยแผลเป็น
7. สามารรักษาได้ในบริเวณที่วิธีทั่วไปรักษาได้ยาก เช่น ลำคอ เนินอก มือ
ข้อดีของ Facial Rejuvenation
1. ผิวมีความแข็งแรงขึ้นในระยะยาวจากสมดุลของการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทน
2. แก้ไขปัญหาผิวที่หลากหลายได้พร้อมกัน
3. ระยะเวลาพักฟื้นน้อย
4. ปราศจากผลข้างเคียง
5. ดูเป็นธรรมชาติ
ผู้ที่เหมาะกับ Facial rejuvenation
1. ผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณใบหน้า
2. ผู้ที่มีจุดด่างดำ ฝ้า กระ
3. ผู้ที่มีผิวคล้ำเสีย ไม่กระจ่างใส
4. ผู้ที่มีผิวมัน เป็นสิวง่าย
5. ผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ
6. ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวไม่แข็งแรง
7. ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยตามช่วงอายุ
กรุณาแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ทราบทุกครั้ง กรณีมีโรคประจำตัวหรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ, มีการใช้สาร Botulinum Toxin, Filler, Gold Thread lift, Fine Thread Lift (ร้อยไหม), เลเซอร์ต่างๆ/ RF, การทำ Derma Roller, และการผ่าตัดเสริมความงาม เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินและจัดโปรแกรมการรักษาตามความเหมาะสม